พธม.-กปปส. ร้องศาลรธน.ตีความการต่อสู้ภาคปชช.เป็นไปตามรธน.2550 หรือไม่

อดีตแกนนำพันธมิตรฯ และอดีตแกนนำ กปปส. ยื่นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยคดีกบฎ ว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญปี 2550 หรือไม่

วันนี้ (5 ก.พ.61) เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ พร้อมด้วย พล.อ. ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ พล.ร.อ. ชัย สุวรรณภาพ พล.อ.ท. วัชระ ฤทธาคนี นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ พธม. และคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. รวมตัวกันในนาม “กลุ่มยุติธรรมภิวัติ” เข้ายื่นหนังสื่อถึงศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้วินิจฉัยว่าการชุมนุมที่ผ่านมาชอบด้วยรัฐธรรมนูญปี 2550 หรือไม่ โดยอ้างว่าคำวินิจฉัยศาลยังไม่ครอบคลุมทุกองค์กร เพราะยังมีการดำเนินคดีกับแกนนำอยู่ พร้อมเผยถึงเจตนารมย์ ของการกระทำดังกล่าวว่าทำไปเพื่อประโยชน์ของประเทศ

นายประยงค์ ไชยศรี ทนายความกลุ่มยุติธรรมภิวัติ กล่าวว่า บุคคลที่ถูกละเมิดสิทธิและเสรีภาพสามารถยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าการกระทำนั้นขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากศาลมีคำวินิจฉัยก็จะนำไปยื่นเป็นหลักฐานประกอบในคดีอื่น เพราะแม้ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญจะได้มีคำวินิจฉัยแล้วว่าการชุมนุมชอบด้วยรัฐธรรมนูญ แต่ไม่มีผลผูกพันกับองค์กรอื่น ทำให้แกนนำยังถูกองค์กรอื่นดำเนินคดี นอกจากนี้ในการชุมนุมของกปปส. มีคนของรัฐบาลมายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่ากปปส.ชุมนุมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ผิดหลักมาตรา 68 ซึ่งศาลก็ยกคำร้องด้วยเช่นกัน นั่นก็แปลว่าศาลรัฐธรรมนูญได้คุ้มครองแล้ว 

นายประยงค์ ยังกล่าวด้วยว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการชุมนุมขององค์กรพิทักษ์สยามและ กปปส.เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่กลับโดนข้อหาก่อการร้าย เป็นภัยต่อความมั่นคง เป็นกบฎต่อราชอาณาจักร ในขณะที่กรณีของกปปส. ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏต่อรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทั้งที่ขณะนี้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์พ้นจากอำนาจหน้าที่ไปแล้ว ดังนั้นตำรวจและพนักงานอัยการที่เป็นผู้ฟ้องคดี ควรพิจารณาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และดูเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ ไม่ควรตั้งข้อหากับประชาชน ทางกลุ่มจึงมาร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการชุมนุมของกลุ่มพธม. องค์กรพิทักษ์สยาม และ กปปส. ว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ 

สุโสมณี พานทอง คือ 34 และเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมครอบครัว เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในปี 2554 เธอเป็นเจ้าของและดำเนินงานด้านการปฏิบัติของเธอเองและช่วยเหลือชาวบ้านในชุมชนบ้านเกิดของเธอ เธอแต่งงานโดยไม่มีลูก แต่สนุกกับการใช้เวลาให้กับเมืองของเธอในฐานะเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ได้รับการเลือกตั้ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *