17 ม.ค. 61 – จากกรณีที่มีการเสนอข่าวเกี่ยวกับคนร้ายลักเอาบัตรประจำตัวประชาชนของ น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ ไปเปิดบัญชีธนาคาร 7 ธนาคาร 9 บัญชี แล้วนำบัญชีไปใช้หลอกลวงเหยื่อ ให้โอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าว จนถูกพนักงานสอบสวนที่รับแจ้งความจากผู้เสียหาย ออกหมายเรียกว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี และขออนุมัติออกหมายจับต่อศาลนั้น
วันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. ที่ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) , พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ , พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.สตม. , พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รอง ผบช.สตม , พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล. รอง ผบช.ทท. , พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ ฉันทวรลักษณ์ รอง ผบช.ภ.6 , พล.ต.ต.ประเสริฐ เงินยวง ผบก.ทท.1 บช.ทท , พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. , พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร ผบก.สส.สตม. , พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. , พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผกก.สน.ห้วยขวาง , นายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ ผอ.กองคดี 1 ปปง. ได้แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหา 4 ราย ขโมยบัตรประจำตัวประชาชนของ น.ส.นิชา เกียรติธนะไพบูลย์ ไปเปิดบัญชีเงินฝากธนาคาร และ มีความเชื่อมโยงกับแก๊งโรแมนซ์สแกม ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ประกอบไปด้วย
1. นาย อายัค ไซมอน อีโก้ สัญชาติแคเมอรูน ซึ่งทำหน้าที่จ้างวาน และ นำบัตรเอทีเอ็มไปกดเงิน
2. นางสาวเจรติ หรือ แอน สายสิน ทำหน้าที่รับเปิดบัญชี จำนวน 3 บัญชี
3. นางสาวปวีณา หรือ อ้อม สิงห์วิบูลย์ ทำหน้าที่รับเปิดบัญชี จำนวน 5 บัญชี
4. นางสาวพรหมพร หรือ แตน พงษ์เจริญคุณากร ทำหน้าที่เปิดบัญชี จำนวน 2 บัญชี
โดยคดีนี้ เกิดขึ้นจากการที่ผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ได้ขโทยบัตรประจำตัวประชาชนของ น.ส.นิชา ไปทำการเปิดบัญชีธนาคาร จำนวน 10 บัญชี จาก 8 ธนาคาร ก่อนจะนำบัญชีไปใช้หลอกลวงเหยื่อให้โอนเงินเข้าผ่านบัญชีดังกล่าว จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2560 นางการต์สินี ยะเมา อายุ 51 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหายได้เข้ามาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านตาก จ.ตาก โดยถูกคนร้ายหลอกลวง ว่า จะส่งพัสดุมาจากต่างประเทศมาให้ แต่ผู้รับจะต้องเสียค่าธรรมเนียมจัดส่ง ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ทั้งสิ้น 5 ครั้ง เป็นเงินจำนวนกว่า 340,000 บาท และ ยังได้โอนไปยังบัญชีอื่น ๆ อีกหลายครั้ง ยอดรวมทั้งหมดกว่า 1,370,000 บาท
จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนสอบสวน จนกระทั่งขออำนาจศาลออกหมายจับ น.ส.นิชา ซึ่งเป็นเจ้าของบัญชี แต่การสอบปากคำ น.ส.นิชา กลับให้การว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอกลวง และ ไม่เคยเปิดบัญชีดังกล่าว อีกทั้งให้การ อีก ว่า ตนเองได้ทำบัตรประชาชนหาย 2 ครั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องทำการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม จนพบว่า กลุ่มขบวนการดังกล่าวได้ขโมยบัตรประจำตัวประชาชนไปเปิดบัญชี ก่อนนำมาก่อเหตุหลอกลวงประชาชนในลักษณะดังกล่าว
ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนทราบว่า น.ส.นิชา ได้แจ้งบัตรประจำตัวประชาชนหายทั้งสิ้น 2 ครั้ง โดยครั้งแรกทำตอนอายุ 15 ปี และ บัตรก็หมดอายุไป ก่อนจะทำใหม่อีกครั้ง และ ได้ทำหายที่ร้านสะดวกซื้อ และ น.ส.ปวีณา ได้นำบัตรจากร้านสะดวกซื้อไป ก่อนจะนำไปเปิดสมุดบัญชีเงินฝากในเวลาต่อมา อีกทั้งจากการสืบสวนสอบสวนยังพบว่า น.ส.นิชา กับ ครอบครัว ไม่มีความผิด และ ไม่เกี่ยวข้องกับแก๊งโรแมนซ์สแกมอย่างแน่นอน
ส่วนประเด็นเงินหมุนเวียน จำนวน 6 ล้านบาท นั้น จาการตรวจสอบพบ ว่า เป็นยอดเงินหมุนเวียนทั้งหมดตั้งแต่ปี 2554 ไม่ใช่เงินก้อนเดียว 6 ล้านบาท ตามที่หลายฝ่ายเข้าใจ อีกทั้งประเด็นการโอนเงิน 100,000 บาท ของบัญชี น.ส.นิชา ตัวจริง ออกไปยังบัญชีอื่น นั้น เกิดจากผู้ต้องหา คือ น.ส.ปวีณา ได้เปิดแอพพลิเคชั่นการทำธุรกรรมการเงิน ทำให้เห็นบัญชีตัวจริงของ น.ส.นิชา และ เงิน 1 แสนบาทนั้น ก็เป็นเงินที่ น.ส.ปวีณา โกงมาจาก นายไซม่อน
ด้าน น.ส.นิชา ได้นำดอกไม้เข้าขอบคุณ ผู้บัญชาการตำรสจแห่งชาติ พร้อมเปิดเผยความรู้สึกในใจ ว่า ตนเองขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างมาก ที่ช่วยให้ความจริงปรากฎ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นบทเรียนสำคัญในชีวิต ซึ่งหลังจากนี้ตนเองจะรอบคอบในการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องการฟ้องร้องธนาคารนั้น ตนเองอยู่ระหว่างการปรึกษาทนายความว่าจะต้องดำเนินกาอย่างไรต่อไป
สุโสมณี พานทอง คือ 34 และเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมครอบครัว เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในปี 2554 เธอเป็นเจ้าของและดำเนินงานด้านการปฏิบัติของเธอเองและช่วยเหลือชาวบ้านในชุมชนบ้านเกิดของเธอ เธอแต่งงานโดยไม่มีลูก แต่สนุกกับการใช้เวลาให้กับเมืองของเธอในฐานะเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ได้รับการเลือกตั้ง