เผาแล้วซากช้างป่าพลายงางามกุยบุรี…สลด!! พระขอบิณฑบาต “อย่าฆ่าช้างอีก”
เจ้าหน้าที่ นิมนต์พระสงฆ์สวดอุทิศให้ช้างป่างางาม ที่ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไรเฟิล-ลูกซอง ล้มกลางป่าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี พร้อมเผาซากช้างป่าทันที ขณะพนักงานสอบสวน ส่งหัวกระสุนปืนให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ
14 มกราคม 2561 ความคืบหน้าหลังพบซากช้างป่าเพศผู้ งายาว ที่ชาวบ้านเรียกติดปากว่า เจ้าด้วน อายุประมาณ 20 ปี ล้มกลางลำห้วยในเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี หมู่ 8 บ้านพุบอน ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเมื่อวานนี้มีการผ่าพิสูจน์ซากช้างป่าโดยทีมสัตวแพทย์กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยพบหัวกระสุนปืนไรเฟิล ในเบ้าตาข้างซ้าย และหัวกระสุนลูกซองเบอร์ 12 อีกส่วนหนึ่ง รวมทั้งนำชิ้นส่วนอวัยวะต่างๆ หัวใจ ตับ ปอด ไต หลอดลม อาหารในกระเพาะ ฯลฯ ส่งไปตรวจพิสูจน์ในห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยมหิดล ที่จังหวัดนครปฐม เพื่อตรวจสอบ ทั้งสารพิษและสารเคมีต่างๆว่าเป็นชนิดใดบ้างที่ช้างป่าได้รับ ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 15-30 วัน
ล่าสุดนายศรีสวัสดิ์ บุญมา กำนันตำบลหาดขาม และผู้ใหญ่บ้านพุบอน บ้านย่านซื่อ บ้านยางชุม และสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เขตกุยบุรี , เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ,ทหารค่ายธนะรัชต์ ชุดรักษาความสงบที่ 2 พื้นที่อำเภอกุยบุรี , ทหารชุดประสานงานโครงการพระราชดำริ บ้านรวมไทย พร้อมชาวบ้านเดินทางไปยังจุดที่พบซากช้างป่าล้มบริเวณลำห้วย พร้อมนิมนต์พระสงฆ์จำนวน 4 รูปจากวัดไร่บนมาทำพิธีสวดบังสุกุล ให้กับช้างป่างางาม เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับช้างป่าตัวนี้ เนื่องจากช้างป่าเป็นสัตว์ใหญ่คู่บ้านคู่เมือง หลังจากนั้นได้ช่วยกันหาเศษไม้แห้งในพื้นที่บริเวณดังกล่าวมาสุมและทำการเผาซาก เนื่องจากไม่สามารถนำเครื่องจักรกลเข้ามาทำการขุดหลุมฝังกลับได้ และได้รับการอนุญาตจากทางอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ให้ดำเนินการสุมไฟเผาได้ทันที ทั้งนี้ทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้คอยสุมไฟและเฝ้าการเผาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะเสร็จประมาณ 4 ทุ่มของคืนนี้
พระครูอุดมธรรมวิภาค เจ้าอาวาสวัดไร่บน และ เจ้าคณะตำบลกุยบุรี กล่าวว่า คณะสงฆ์รู้สึก เศร้าสะเทือนใจ ที่ช้างซึ่งเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมือง เป็นสัญลักษณ์ของสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ที่ได้ดำรงอนุรักษ์เอาไว้มาเสียชีวิตในครั้งนี้ จึงขอบิณฑบาต ขอความวิงวอน เมตตา ให้ประชาชน เจ้าหน้าที่ ช่วยกันดูและรักษาช้างป่ากุยบุรี ไว้ให้อยู่คู่บ้านเมืองต่อไป และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นอีกกับช้างป่ากุยบุรี” อาตมาขอบิณฑบาตเถอะ”
ขณะที่นายเจษฏา แดงโชติ สจ.เขตอำเภอกุยบุรี รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตำบลหาดขามตลอดจนชาวบ้านในพื้นบ้านพุบอน ได้เดินทางมาร่วมพิธีหลายคนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะคนร้ายลงมือยิงช้างป่าอย่างโหดเหี้ยม พร้อมวิงวอนไปถึงคนที่กระทำขอให้ช้างป่าพลายงางามเป็นตัวสุดท้าย และอยากให้ตำรวจ เร่งติดตามมือยิงช้างป่ามาลงโทษให้ได้โดยเร็ว
ซึ่งในวันนี้นายจารุวัฒร นุชศิริ พนักงานพิทักษ์ป่า อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.ธีระ สูงยิ่ง พนักงานสอบสวน สภ.บ้านยางชุม พร้อมบันทึกรายละเอียดการตรวจสอบและจุดพิกัดที่พบซากช้างป่าส่งมอบให้พนักงานสอบสวน เพื่อให้ทางตำรวจเร่งติดตามสืบหาตัวผู้กระทำความผิดที่ยิงช้างป่ามาดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมทั้งได้ลงบันทึกประจำวันพร้อมแนบเอกสารการถอดงาช้างป่าทั้ง 2 ข้างซึ่งระบุว่างาฝั่งขวายาวประมาณ 113 เซนติเมตร ส่วนงาข้างซ้ายยาวประมาณ 108 เซนติเมตร โดยนำไปเก็บรักษาไว้ที่ทำการอุทยานแห่งชาติกุยบุรี
ด้าน พ.ต.อ.นิรันดร ศิริสังข์ไชย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ให้ทางพนักงานสอบสวน สภ.บ้านยางชุม จัดส่งหัวกระสุนปืนไรเฟิลและหัวกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 อีก 1 หัวส่งไปทำการตรวจสอบที่กองพิสูจน์หลักฐาน ที่จังหวัดนครปฐม เพื่อเปรียบเทียบว่ายิงมาจากอาวุธปืนชนิดใด ขณะเดียวกันทางตำรวจ จะทำหนังสือให้ 3 อำเภอหลัก ได้แก่อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ อำเภอกุยบุรี และอำเภอสามร้อยยอด จัดส่งข้อมูลทะเบียนอาวุธปืนที่เข้าข่ายและสามารถใช้กระสุนปืนไรเฟิล ตลอดจนอาวุธปืนลูกซองเพื่อดำเนินการตรวจสอบ
ภาพ-ข่าว อภิชาติ หงส์สกุล / จ.ประจวบคีรีขันธ์
สุโสมณี พานทอง คือ 34 และเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมครอบครัว เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในปี 2554 เธอเป็นเจ้าของและดำเนินงานด้านการปฏิบัติของเธอเองและช่วยเหลือชาวบ้านในชุมชนบ้านเกิดของเธอ เธอแต่งงานโดยไม่มีลูก แต่สนุกกับการใช้เวลาให้กับเมืองของเธอในฐานะเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ได้รับการเลือกตั้ง