เริ่มแล้ว… ซื้อซิมต้องสแกนหน้า-นิ้ว

2 ก.พ 61 -นางจิตสถา ศรีประเสริฐสุข ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารจัดการเลขหมายโทรคมนาคม ของ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เปิดเผยผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซต์ไทยแลนด์ ทางสปริงนิวส์ ทีวีดิจิทัลช่อง 19  ถึงกรณี กสทช. ประกาศบังคับใช้ การลงทะเบียนซิมการ์ดรูปแบบใหม่  ที่ต้องมีการตรวจสอบอัตลักษณ์เปรียบเทียบใบหน้า หรือสแกนลายนิ้วมือ  เพื่อยืนยันตัวบุคคลผู้ใช้บริการ  โดยเริ่มแล้วพร้อมกันทุกค่ายทั่วประเทศเมื่อวานนี้ (1 ก.พ) วันแรก  ว่า ระบบพิสูจน์ตรวจสอบอัตลักษณ์ดังกล่าวนั้น  ถือเป็นการพิสูจน์ตัวตนในการทำธุรกรรมประเภทต่างๆ ซึ่งอัตลักษณ์จะครอบคลุม ทั้งใบหน้า ลายนิ้วมือ ม่านตา สีผิว แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมและถูกใช้แพร่หลาย ก็คือ การพิสูจน์ลายนิ้วมือ และใบหน้า ฉะนั้น กสทช. จึงเลือกวิธีพิสูจน์ดังกล่าว มาใช้ในการยืนยันตัวตน สำหรับการขอซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือที่ต้องมีความสอดคล้องกับบัตรประชาชนของผู้ซื้อ ที่ในอดีตมีวิธีการเพียงยื่นบัตรประชาชนเท่านั้น ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาตามมา  ส่วนการตรวจสอบด้วยวิธีใดนั้น จะขึ้นอยู่กับจุดรับลงทะเบียนซิมการ์ดนั้นๆ ว่ามีเทคโนโลยีใดรองรับ ซึ่งเป็นลักษณะแอพพลิเคชั่น  สแกนนิ้วมือ หรือ ใบหน้า  พร้อมย้ำเตือน ว่าประชาชนต้องนำบัตรประชาชนตัวจริง ใช้ในการลงทะเบียนด้วยทุกครั้ง 

ส่วนกรณี ห้างร้านที่เป็นนิติบุคคล ต้องการลงทะเบียนซิมการ์ด นางจิตสถา  กล่าวว่า เบื้องต้นคาด ไม่น่าจะมีปัญหามากนัก เนื่องจาก ส่วนที่เป็นนิติบุคคล มักมีเอกสาร หลักฐานครบ และจะดำเนินการผ่านศูนย์ใหญ่เท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบบุคคลที่รับมอบอำนาจในการยื่นเรื่องแทนบริษัทอย่างละเอียด โดยเฉพาะการตรวจเอกลักษณ์ 

“กรณีบริษัท มอบให้พนักงานแมสเซ็นเจอร์ ซื้อและลงทะเบียนซิมการ์ด โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่ที่ซื้อซิมการ์ดจำนวนมาก เพื่อแจกพนักงาน หลักร้อย หลักพัก หลักหมื่น เรื่องนี้ กสทช. กำลังหารือวางแผนการดำเนินการกับผู้ให้บริการทุกค่าย เพื่อให้รู้จริงๆว่า คนที่ใช้เบอร์นั้นๆ คือใคร ซึ่งเบื้องต้น อยู่ระหว่างดำเนินการ เพื่อให้สะดวกและตอบโจทย์ กสทช.  ตอนนี้ยังเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน อาจเกิดปัญหาได้ ” นางจิตสถา กล่าว

เมื่อถามต่อว่า กรณีคนต่างด้าว ขอเปิดเบอร์ลงทะเบียนซิมการ์ดในไทยนั้น สามารถทำได้หรือไม่ นางจิตสถา กล่าวว่า จะใช้วิธีดำเนินการเช่นเดียวกับคนไทยในการพิสูจน์อัตลักษณ์  แต่จะเปลี่ยนจากการตรวจสอบตัวตนด้วยบัตรประชาชนตัวจริง  เป็นหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตแทน เช่นเดียวกับกรณีแรงงานต่างด้าวที่ไม่มีพาสปอร์ต  แต่ได้รับใบอนุญาตจากทางการไทย  ให้สามารถใช้ใบอนุญาตนั้น ทดแทนได้เช่นกัน  ขณะที่กรณีร้านขายซิมการ์ดขนาดเล็ก หรือ  ร้านลูกตู้ ที่ให้บริการตามห้างสรรพสินค้าเล็กๆ ที่มีอยู่ 50,000 ทั่วประเทศ ขณะนี้กำลังเร่งประสานขอความร่วมมือให้ร่วมดำเนินการด้วยแล้วเช่นกัน 

” มีการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ ให้ร้านลูกตู้ เรียนรู้การใช้งานแอพพลิเคชั่นใหม่ หรือเรียกว่า แอพ 2 แชะ สำหรับร้านลูกตู้ทั้ง 5 หมื่นจุด วันแรกยอมรับมีข้อติดขัดอยู่บ้าง เพราะยังไม่ใช่กับการใช้แอพพลิเคชั่น เช่นเดียวกับประชาชน ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม  แต่เราก็เชื่อว่าในอนาคต ระบบหรือว่าการใช้งานแอพ ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ใครใช้ไลน์ ใช้เฟซบุ๊กเป็น ก็ไม่มีปัญหา และอาจจะมีเสียงบ่นบ้าง ที่เดิมอาจจะใช้เวลาลงทะเบียนไม่นาน ตอนนี้อาจจะใช้เวลานานขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ก็อยากจะขอความร่วมมือประชาชนด้วย” นางจิตสถา กล่าว

ทั้งนี้  ตั้งแต่ 1 ก.พ. 61 นี้เป็นต้นไป ผู้ที่ซื้อซิมการ์ดใหม่สำหรับการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งแบบรายเดือน(โพสต์เพด) และแบบเติมเงิน(พรีเพด) ทุกรายรวมถึงบุคคลที่ไม่ใช่สัญชาติไทย ไม่ว่าจะเป็นที่ศูนย์ให้บริการของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วประเทศ ร้านค้าตัวแทนจำหน่าย และลูกตู้ทั่วประเทศ  จะต้องลงทะเบียนผู้ใช้บริการด้วยระบบการตรวจสอบอัตลักษณ์  คือการตรวจสอบใบหน้า (face recognition) หรือสแกนลายนิ้วมือ (finger print) เพื่อลงทะเบียนซื้อซิมการ์ดทุกราย  

สุโสมณี พานทอง คือ 34 และเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมครอบครัว เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในปี 2554 เธอเป็นเจ้าของและดำเนินงานด้านการปฏิบัติของเธอเองและช่วยเหลือชาวบ้านในชุมชนบ้านเกิดของเธอ เธอแต่งงานโดยไม่มีลูก แต่สนุกกับการใช้เวลาให้กับเมืองของเธอในฐานะเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ได้รับการเลือกตั้ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *