รัฐบาลมาเลเซียเตรียมรื้อคดีฆาตกรรม อัลตันตูยา ชาอาริอิบูอู นางแบบสาวชาวมองโกเลีย ขึ้นมาสอบสวนใหม่ หลังครอบครัวของ ชาอาริอิบูอู เข้าหารือกับ นายมหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย
ด้านนายทนายความของครอบครัว ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ผลการหารือกับมหาเธร์ค่อนข้างน่าพอใจ พร้อมกล่าวว่า ประธานาธิบดีมองโกเลีย นายคัลต์มา บัตทุลกา ได้พูดคุยกับเขาทางโทรศัพท์ เพื่อขอบคุณนายคมหาเธร์ด้วย
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีมองโกเลียได้เขียนจดหมายแสดงความยินดีกับนายมหาเธร์ที่คว้าชัยชนะจากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนทีผ่านมาและระบุว่า ในฐานะของประธานาธิบดีมองโกเลีย เขาให้ความสนใจกับคดีฆาตกรรมร้ายแรงที่เกิดขึ้นในมาเลเซีย เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ปี 2006 เป็นพิเศษอีกด้วย
ในปี 2006 ชาอาริอิบูอู ถูกยิงเสียชีวิต ศพถูกทำลายในท้องที่นอกกรุงกัวลาลัมเปอร์ด้วยระเบิดที่มีใช้ในราชการทหาร คดีฆาตกรรมของเธอมีตำรวจหน่วยอารักขา 2 นายตกเป็นจำเลย ทั้งสองคนถูกตัดสินว่ามีความผิดและถูกประหารชีวิตในเดือนมกราคมปี 2013
ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสงสัยว่าคดีฆาตกรรมชาอาริอิบูอู อาจเชื่อมโยงกับข้อกล่าวหาที่ว่า รัฐบาลยุคที่นายนาจิบเป็นรัฐมนตรีกลาโหม ได้รับสินบนจากโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำฝรั่งเศส ที่มีชาอาริอิบูอู ทำหน้าที่เป็นล่ามติดต่อกับบริษัทผู้ผลิตเรือดำน้ำ โดยเธอมีความสัมพันธ์ลับๆกับอับดุล ราซัค บากินดา ซึ่งเป็นคนสนิทของนายนาจิบที่สงสัยว่าเป็นคนรับสินบนผ่านบริษัทบังหน้าด้วย
ส่วนอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวในมาเลเซีย คือ นาย นาจิบ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ส ว่า เขาไม่ควรโดนกล่าวโทษกรณีกองทุนอื้อฉาว 1MDB พร้อมประกาศชัดว่า เขาไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ เกี่ยวกับเงินจากกองทุนที่ปรากฎในบัญชีส่วนตัวของเขาและระบุว่าเป็นความรับผิดชอบของคณะกรรมการกองทุน
นอกจากนี้ เขายังพูดถึงที่มาของเงินสด, กระเป๋าแบรนด์เนมและเครื่องประดับหรู ที่ถูกยึดจากปฏิบัติการบุกค้นบ้
คดีทุจริตกองทุน 1MDB ถือเป็นคดีที่ชาวมาเลเซียให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และ เป็นความท้าท้ายของรัฐบาลชุดใหม่ว่าจะสามารถรื้อหลักฐานและเอาผิดนายนาจิบในคดีอื้อฉาวนี้ได้หรือไม่ โดยเมื่อเดือนที่แล้ว ทางการมาเลเซียได้ยึดเงินสดมูลค่าราว 114 ล้านริงกิต จากบ้านพักและอพาร์ตเมนต์หลายแห่งที่เชื่อมโยงกับนายนาจิบและสมาชิกครอบครัวของเขา หลังพบหลักฐานว่า อดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ มีส่วนพัวพันด้วย
Cr.Springnews
สุโสมณี พานทอง คือ 34 และเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมครอบครัว เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในปี 2554 เธอเป็นเจ้าของและดำเนินงานด้านการปฏิบัติของเธอเองและช่วยเหลือชาวบ้านในชุมชนบ้านเกิดของเธอ เธอแต่งงานโดยไม่มีลูก แต่สนุกกับการใช้เวลาให้กับเมืองของเธอในฐานะเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ได้รับการเลือกตั้ง