ดีเอสไอ และสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ทลายแหล่งผลิตยาลดความอ้วนเถื่อน ผสมสารไซบูทรามีน ซึ่งมีผลต่อระบบประสาท เสี่ยงหัวใจขาดเลือด แถมใช้ อย.ปลอม ยึดของกลางรวมกว่า 1.6 ล้านเม็ด
วันนี้( 8 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ประเภทยาลดความอ้วน กว่า 100,000 เม็ด และซองเปล่าเตรียมบรรจุอีก 50,000 ซอง รวมทั้งอาหารเสริมเพิ่มความขาว อีก 106 ลัง ประมาณ 1.5 ล้านเม็ด มูลค่ารวมกว่า 12 ล้านบาท เป็นของกลางที่เจ้าหน้าที่กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ร่วมกับ เจ้าหน้าที่กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ยึดมาจากแหล่งผลิตและบรรจุ ในตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งแหล่งพักเก็บสินค้าอีก 2 แห่ง ใน อำเภอสารภี และ อำเภอเมืองเชียงใหม่ พร้อมจับกุมผู้ต้องหา 2 คน ที่เป็นเจ้าของ ส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ และ สถานีตำรวจภูธรสารภี ดำเนินคดีในข้อหารวมกันผลิตหรือจำหน่ายอาหารไม่บริสุทธิ์ และ ร่วมกันผลิตหรือจำหน่ายอาหารปลอมที่มีฉลาก เพื่อลวงหรือพยายามให้ผู้ซื้อเข้าใจผิดในเรื่องคุณภาพ ตาม พรบ.อาหาร พ.ศ.2522
การเข้าจับกุมและยึดผลิตภัณฑ์อาหารเสริมครั้งนี้ พันตำรวจโทกรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ดีเอสไอได้รับการประสานงานจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ว่า พบการแพร่ระบาดของยาลดความอ้วน ที่ลักลอบใช้สาร ไซบูทรามีน ซึ่งเป็นยาควบคุมตามประกาศของกระทรวงาธารณสุข เพราะเป็นยาอันตราย มีผลต่อระบบประสาท ทำให้นอนไม่หลับ ไม่อยากอาหาร หากบริโภคในจำนวนมากและติดต่อกัน จะเพิ่มความเสี่ยงหัวใจขาดเลือดและหลอดเลือดตีบตัน มาเป็นส่วนผสมสำคัญ
โดยมีรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ว่า มีผู้เสียชีวิตจากการบริโภคสารตัวนี้แล้วหลายราย และยังมีผู้ป่วยโรคไตอีกกว่า 10,000 คน ที่คาดว่ามาจากการบริโภคสารตัวนี้เข้าไป
สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดความอ้วน พบว่ามีการใช้เลข อย.ปลอม ลักลอบผลิตและจำหน่ายมานานกว่า 3 ปี ส่วนอาหารเสริมผิวขาว พบว่ามีบางส่วนที่ใช้เลข อย. ไม่ถูกต้อง ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบอีกครั้ง
คาดว่าตลอด 3 ปี ที่ผ่านมา ผลิตจำหน่ายไปแล้วจำนวนมาก จึงเตรียมเสนอเป็นคดีพิเศษ ขยายผลตรวจสอบการผลิตและจำหน่ายว่า ไปถึงมือผู้บริโภคมากน้อยเท่าไหร่ เพราะถือว่ามีผลกระทบกับประชาชน
Cr.Springnews
สุโสมณี พานทอง คือ 34 และเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมครอบครัว เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในปี 2554 เธอเป็นเจ้าของและดำเนินงานด้านการปฏิบัติของเธอเองและช่วยเหลือชาวบ้านในชุมชนบ้านเกิดของเธอ เธอแต่งงานโดยไม่มีลูก แต่สนุกกับการใช้เวลาให้กับเมืองของเธอในฐานะเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ได้รับการเลือกตั้ง