ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 มีนาคม 2561) ตลาดสวนหลวง ตลาดเปิ้ลมาร์เก็ต ตลาดรุ่งวาณิชย์ ตลาดยิ่งนรา และตลาดร่มเหลือง ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านเสรีวิลล่า ซอยศรีนครินทร์ 55 ค่อนข้างเงียบเหงา ต่างจากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดทั้ง 5 ต้องหยุดให้บริการตามคำสั่งศาลปกครอง ขณะที่กลุ่มผู้ค้าบางส่วน ก็เดินทางเข้ามาเก็บของในพื้นที่ ซึ่งบางส่วน ก็จับกลุ่มพูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แม้ทางเขตประเวศ จะมีการจัดพื้นที่สำหรับรองรับกลุ่มผู้ค้า ไว้ 4 แห่งประกอบด้วย ตลาดนัดรถไฟศรีนครินทร์ รองรับผู้ค้าได้ประมาณ 300 ราย , ตลาดนัดนัมเบอร์วัน ราม 2 , ตลาดราชพฤกษ์ ริมถนนเฉลิมพระเกียรติ 65 รับผู้ค้าขายของสด และ อยู่ระหว่างประสานพื้นที่ 18ไร่ บริเวณฝั่งตรงข้ามศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ตามนโยบายตลาดประชารัฐ ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าก็ให้เหตุผลว่า พื้นที่ดังกล่าวก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เพราะการย้ายไปที่ใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย และฐานลูกค้าก็ต้องไปนับหนึ่งใหม่
โดย นาง พรพินันท์ ศรีสิมลชัยพัท เล่าว่า เธอขายของอยู่ที่ตลาดรุ่งวาณิชย์ มา 10 กว่าปี ขายข้าวเหนียวธัญพืช ไม่เคยหยุด และในวันนี้มีคำสั่งศาลให้ระงับการขายก็ยินดี ไม่มีการดื้อแพ่ง แต่อยากให้สังคมภายนอกเห็นใจด้วย เพราะต้องรับผิดชอบหลายด้าน ยิ่งมาหยุดขายกระทันหันอย่างนี้ เหมือนโดนฟ้าผ่า ไม่ใช่เธอคนเดียวที่เดือดร้อน กระทบไปถึงต้นทางด้วย เช่นเกษตรกร ที่ขาย ส่ง ผัก ปลา เดือดร้อนกันหมด แต่ถึงอย่างไรก็มีเจ้าของบ้านใกล้เคียง เห็นใจที่ตลาดถูกปิด ได้เปิดโรงทานให้กับ พ่อค้า แม่ค้า และผู้ที่มาออกกำลังกายได้ทานอาหารกัน
ด้าน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานร ยืนยันหลังเข้าให้ถ้อยคำต่อศาลว่า ก็เห็นใจทุกฝ่ายไม่ใช่เฉพาะบ้านนางสาวบุญศรีเท่านั้น และได้กำชับให้สน.ประเวศดูแลการจอดรถไม่ให้กีดขวางจราจร และระหว่างที่ศาลปกครองยังไม่มีคำตัดสินก็ไม่อนุญาตให้ขอเปิดตลาดใหม่ จนกว่าศาลจะมีคำตัดสิน โดยกทม.ได้เยียวยาหาที่ขายของให้ 4 แห่ง ซึ่งหากผู้ค้าต้องการที่จะค้าขายถาวรที่ตลาดแห่งใหม่ก็ได้ ส่วนผลสอบข้อเท็จจริงการจัดตั้งตลาด ของ กทม. จะสรุป 5 มี.ค และ ส่งศาลปกครองภายใน 6 มี.ค นี้
ขณะที่วันพรุ่งนี้ ( 4 มี.ค.) ทางสำนักงานเขต ประเวศ จะมีการบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ ทำความสะอาดพื้นที่ตลาดทั้งหมด จึงทำให้กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าบางส่วนทยอยขนของออกจากพื้นที่
เครดิต : Springnews
สุโสมณี พานทอง คือ 34 และเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมครอบครัว เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในปี 2554 เธอเป็นเจ้าของและดำเนินงานด้านการปฏิบัติของเธอเองและช่วยเหลือชาวบ้านในชุมชนบ้านเกิดของเธอ เธอแต่งงานโดยไม่มีลูก แต่สนุกกับการใช้เวลาให้กับเมืองของเธอในฐานะเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ได้รับการเลือกตั้ง