วันนี้ (25 ก.พ. 61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ อายุ 81 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/9 หมู่ 5 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. พลัดตกจากชั้น 7 ห้างดัง ถ.แจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จนเสียชีวิตนั้น จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ กล้องวงจรปิด และสอบปากคำพยานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พยานที่เห็นเหตุการณ์ พบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตเดินอยู่บนชั้น 7 ตามปกติ แล้วเดินไปที่กระจกทางกั้น จากนั้นได้ปีนข้าม และพลัดตกลงไปที่ร้าน Krispy Kreme (ชั้น 1) เจ้าหน้าที่ห้างสรรพสินค้าได้ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลชลประทาน โดยได้ตรวจสอบเอกสารของชายคนดังกล่าว ไม่พบเอกสารยืนยันตัวบุคคล และพบกระดาษเขียนด้วยลายมือ ปรากฏข้อความลาตายลงชื่อ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค เนื้อหาระบุว่า
ร้านกาแฟชั้นบน
เพื่อนๆ ลูกหลานที่รัก
พ่ออยู่ได้ไม่เกิน 2 ปี ขอจากไปอย่างเกิดประโยชน์ ขอให้ทุกคนที่ทราบเรื่อง ช่วยกันคัดค้านรางคู่ขนาน 1,000 ม. รถไฟฟ้ายกระดับ ผลักดันให้เกิดสร้างถนน AUTO BAHN ช่วยกันทำหนังสือนี้เเจกกันให้มากๆ พ่อนับ 1-1,000 เเล้ว วิธีการนี้จะเป็นประโยชน์
ขอโทษคนที่รักทุกคนด้วย
พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค
อย่าตำหนิ ขอให้ภูมิใจ ถ้าไม่ทำอย่างนี้จะไม่มีใครรู้เรื่อง เพราะสื่อช่วยกันปกปิด เเล้วส่งเสริม
นอกจากนั้น พล.ต.อ.สล้าง ยังฝากถึงการปฏิรูปตํารวจเเละการปฏิบัติตัวในงานพิธีศพ พร้อมทิ้งท้ายว่า ขอให้นำเอกสารนี้เเจกจ่ายเพื่อประชาชนจะได้ทราบเเละเรียกร้องสิทธิของตนเอง
จากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวจากวิกิพีเดียเกี่ยวกับ autobahn (เอาโทบาน) ที่พล.ต.อ.สล้างพูดถึงนั้น พบว่า Autobahn เป็นศัพท์ภาษาเยอรมัน หมายถึง ทางด่วนระหว่างเมืองที่จำกัดการเข้าออก ซึ่งเป็นทางคู่และมีทางยกระดับข้ามทางแยก ศัพท์คำนี้ใช้เรียกทางด่วนในเยอรมนี ออสเตรีย และสวิสเซอร์แลนด์ แต่เมื่อกล่าวโดยทั่วไปมักหมายถึงทางหลวงในเยอรมนี ไม่มีจำกัดความเร็วสูงสุด
เอาโทบานในเยอรมนีได้ชื่อว่าเป็นทางหลวงสายหนึ่งที่มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุต่ำที่สุด การบำรุงรักษาเอาโทบานชั้นหนึ่งใช้งบประมาณสูงถึง 620,000 ยูโร/กิโลเมตร/ปี หรือราว 23 ล้านบาท/กิโลเมตร/ปี
สุโสมณี พานทอง คือ 34 และเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมครอบครัว เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในปี 2554 เธอเป็นเจ้าของและดำเนินงานด้านการปฏิบัติของเธอเองและช่วยเหลือชาวบ้านในชุมชนบ้านเกิดของเธอ เธอแต่งงานโดยไม่มีลูก แต่สนุกกับการใช้เวลาให้กับเมืองของเธอในฐานะเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ได้รับการเลือกตั้ง