เหยื่อแชร์ลูกโซ่สกุลเงินต่างประเทศ รวมตัวร้องดีเอสไอ ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่เชื่อมีกลุ่มผู้เสียหายนับพันราย มูลค่าความเสียหายกว่า พันล้านบาท
นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย พร้อมผู้เสียหายแชร์ลูกโซ่เงินดิจิตอลหลายสกุล จำนวนกว่า 80 ราย จากหลายเว็บไซต์เข้าร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอความช่วยเหลือในการดำเนินคดี รวมถึงหารือร่วมเพื่อหามาตรการป้องกันแชร์ลูกโซ่ที่ระบาดมาในรูปแบบนี้มากขึ้น
นายสามารถ ระบุว่าผู้เสียหายที่รวมตัวมาวันนี้มีมาจาก 4 กลุ่มสกุลเงิน ซึ่งทั้ง 4 กลุ่มมีแผนการทำธุรกิจคล้ายกันคือสมาชิกจะต้องซื้อแพคเกจ ในราคาแพคเกจหลักหมื่น เพื่อแลกค่าตอบแทนจากการขายเหรียญได้ในราคาหลักแสน และยังมีค่าแนะนำสมาชิกใหม่ได้อีก 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะได้เป็นเหรียญในระบบให้เอามาขายเอง และแผนการดำเนินธุรกิจอื่นๆคล้ายธุรกิจขายตรงแต่เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ต่างๆ เป็นเหรียญสกุลเงินดิจิตอล
จากการสอบถามผู้เสีย พบว่า ทุกกลุ่มจะมีการอ้างอิงเว็บไซต์แลกเปลี่ยนสกุลดิจิตอลในต่างประเทศ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และบางกลุ่มมีการอ้าง ว่าสามารถนำเงินเหรียญสกุลเงินที่ได้ไปซื้อบ้านหรือคอนโดในต่างจังหวัดได้ หากลงทุนกับเครือข่าย แต่เมื่อตรวจสอบกลับไม่สามารถนำไปใช้ได้จริง
ดังนั้น นายสามารถ จึงอยากเรียกร้องขอให้ประชาชนที่เคยถูกหลอกให้ลงทุนในลักษณะนี้เข้ามาร่วมลงชื่อเพื่อแจ้งความดำเนินคดี ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพราะปัจจุบันพบ มีจำนวนผู้เสียหายจากหลายๆกลุ่มรวมกันมากกว่าพันคน ซึ่งแต่ละคนจะเสียหายตั้งแต่หลักหมื่นบาท จนถึงหลักแสนบาท รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมดคาดว่าตอนนี้จะสูงถึงพันล้านบาท
พ.ต.ท.ประวุธ ระบุว่า ตอนนี้มีข่าวสารสกุลเงินดิจิตอลอยู่เป็นจำนวนมาก และเริ่มมีประชาชนให้ความสนใจมาลงทุนทำให้กลุ่มมิจฉาชีพ เริ่มใช้ช่องทางนี้มาหลอกลวงประชาชน โดยการสร้างเรื่องหลอกลวงเกี่ยวกับวิธีการซื้อสกุลเงินต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการซื้อสกุลเงินที่แต่ละกลุ่มสร้างขึ้นเองบนเว็บไซต์ โดยจะอ้างอิงราคาหรือความน่าเชื่อถือจากเว็บต่างประเทศ ก่อนจะเริ่มใช้แผนธุรกิจขายตรง ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้มีมานาน และยังคงมีผู้เสียหายอยู่บ่อยครั้ง
และต่อจากนี้จะนำเรื่องเสนอต่อ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาหารือกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อดูในข้อกฏหมายต่างๆ มาใช้ในการป้องกันไม่ให้เกิดการหลอกลวงขึ้นอีก ส่วนกลุ่มผู้เสียหายที่มาร้องวันนี้ จะรับเรื่องและส่งให้อธิบดีพิจารณาเช่นกันว่า จะเข้าเงื่อนไขที่สามารถรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ หรือต้องส่งเรื่องต่อให้หน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
สุโสมณี พานทอง คือ 34 และเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมครอบครัว เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในปี 2554 เธอเป็นเจ้าของและดำเนินงานด้านการปฏิบัติของเธอเองและช่วยเหลือชาวบ้านในชุมชนบ้านเกิดของเธอ เธอแต่งงานโดยไม่มีลูก แต่สนุกกับการใช้เวลาให้กับเมืองของเธอในฐานะเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ได้รับการเลือกตั้ง