วันนี้ในอดีต 14 ตุลาคม 2516 พระบารมี ในหลวงร.9 เหตุการณ์ 14ตุลาฯ 16 จึงสงบ
เหตุการณ์14 ตุลา ไม่ต้องรำลึกเลย ถ้าไม่มีในหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จลงมา “ดับวิกฤติชาติ” คงเกิดการจราจลวุ่นวาย ลุกลาม กลายเป็นสงครามกลางเมือง ประชาชนจะต้องบาดเจ็บล้มตาย มากมายแน่ แต่ที่รอดได้ ด้วยพระบารมีปกเกล้า ฯ
เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์การเมืองไทย 14 ตุลาคม 2516 เป็นเหตุการณ์ที่นักเรียน นิสิตนักศึกษาและประชาชน ชุมนุมประท้วงรัฐบาล จอมพลถนอม กิตติขจร สาเหตุจากการที่รัฐบาลสั่งจับกุมผู้ต้องหา 13 คน ในข้อหากบฏ หลังจากทั้ง 13 คน ได้ออกมาเรียกร้องรัฐธรรมนูญ่ที่เป็นประชาธิปไตยจากผู้มีอำนาจในขณะนั้น เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้บาดเจ็บและล้มตายจำนวนมาก
แต่ด้วยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทำให้เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 16 สงบลง โดยจอมพลถนอม กิตติขจร ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเดินทางออกนอกประเทศ พร้อมด้วยจอมพลประภาส จารุเสถียร และ พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้นายสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
ขณะที่มีการสลายตัวของฝูงชน กลับเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น ที่บริเวณถนนหน้าพระราชวังสวนจิตรลดา ช่วงถนนพระราม 5 ใกล้กับถนนรชวิถีเพราะฝูงชนที่จะกลับเกิดการปะทะ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจบางรายที่หนีได้ก็ปีนป่ายกำแพงเข้าไปในสวนสัตว์ดุสิต ใช้ก้อนหินขว้างปาใส่ตำรวจ อีกส่วนหนึ่งก็กรูกันเข้าไปเพื่อหลบภัย อยู่ในพระราชวังสวนจิตรลดา โดยมหาดเล็กเปิดให้เข้าไป โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณารับสั่งให้เข้ามาหลบภัย อยู่ในพระราชวังสวนจิตรลดา และพระราชทานความช่วยเหลือ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้พระราชทานพระบรมราโชวาท โดยมี พ.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เป็นผู้อัญเชิญมาอ่านต่อ กรรมการศูนย์กลางนิสิตฯ จำนวน 9 คน ที่เข้าเฝ้าฯ รวมถึงผู้ชุมนุมในครั้งนั้น
พระราชดำรัสทางวิทยุโทรทัศน์ แก่ปวงชนชาวไทย ทรงเรียกวันที่ 14 ตุลา ว่า “วันมหาวิปโยค”เพราะเกิดการปะทะกัน ทำให้คนไทยด้วยกันต้องเสียชีวิตจำนวนมากและทรงขอให้ทุกฝ่ายตั้งสติยับยั้ง ระงับเหตุแห่งความรุนแรง และทรงขอให้ประชาชนสนับสนุนรัฐบาลใหม่ เพื่อนำบ้านเมืองให้กลับสู่ภาวะปกติ
“วันนี้เป็นวันมหาวิปโยคที่น่าเศร้าสลดอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทยตลอดระยะเวลา 6-7 วันที่ผ่านมาได้ทีการเรียกร้องและเจรจากันจนกระทั่งนักศึกษาและรัฐบาลทำข้อตกลงกันได้แต่แล้ว มีการขว้างระเบิดขวดและยิงแก๊สน้ำตาขึ้น ทำให้เกิดการปะทะกันและมีคนได้รับบาดเจ็บหลายคน ความรุนแรงได้ทวีขึ้นทั้งพระนคร ถึงขั้นจลาจลและยังไม่สิ้นสุดมีคนไทยด้วยกันต้องเสียชีวิตนับร้อย ขอให้ทุกฝ่ายทุกคนจงระงับเหตุแห่งความรุนแรง ด้วยการตั้งสติยับยั้งเพื่อให้ชาติบ้านเมืองคืนสู่สภาพปกติเร็วที่สุด ……”
Cr. fb Siriwanna Jill – New
สุโสมณี พานทอง คือ 34 และเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมครอบครัว เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในปี 2554 เธอเป็นเจ้าของและดำเนินงานด้านการปฏิบัติของเธอเองและช่วยเหลือชาวบ้านในชุมชนบ้านเกิดของเธอ เธอแต่งงานโดยไม่มีลูก แต่สนุกกับการใช้เวลาให้กับเมืองของเธอในฐานะเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ได้รับการเลือกตั้ง