“ยงยุทธ” ปัดนำเงินอาบอบนวดมาฟอกทำทีมฟุตบอลเชียงราย ยันเดินหน้าฟ้องจอมแฉ “ชูวิทย์ – ช่อง 3” เหตุทำเสื่อมเสีย
30 ม.ค.61- นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ ทางสถานีโทรทัศน์สปริง นิวส์ ช่อง 19 ถึงกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ กล่าวหาสโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด กรณีนำเงินจากสถานอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท มาฟอกกับสโมสรฟุตบอล ว่า การตั้งทีมสโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด เป็นเรื่องของลูกชาย (นายมิตติ ติยะไพรัช) เนื่องจากลูกชายชื่นชอบกีฬาฟุตบอล และมีความฝันอยากให้บอลไทยไปบอลโลก จึงร่วมกับเพื่อนตั้งทีมสโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด ขึ้นมา โดยเริ่มเตะตั้งแต่สนามเดวิชั่น 2 ขยับมาเป็นเดวิชั่น 1 และไทยลีก แต่เนื่องจากการทำทีมสโมสรฟุตบอลใช้เงินค่อนข้างเยอะ ต่อมานายธิติพันธ์ อดีตกรรมการบริหารสโมสรเชียงราย ซึ่งเป็นเพื่อนนายธนพล หรือโจอี้ ธนพล วิระเทพสุภรณ์ ลูกชายนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ เจ้าของเครือเดอะลอร์ด ซึ่งชื่นชอบฟุตบอลเช่นกัน จึงเข้ามาช่วยเหลือสนับสนุน ไม่ใช่เรื่องการฟอกเงินแต่อย่างใด
“ผมไม่ได้รู้จักเสี่ยกำพล เป็นการส่วนตัว รู้แค่ว่าเป็นพ่อของเพื่อนลูกชายเท่านั้น และขอยืนยันว่า ทีมสโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด ไม่มีแนวคิดที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์อย่างที่นายชูวิทย์กล่าวอ้างแต่อย่างใด เนื่องจากสภาพธุรกิจยังไม่เอื้อให้ทีมสโมสรฟุตบอลเข้าตลาดหลักทรัพย์”
เมื่อถามว่า โจอี้ ธนพล วิระเทพสุภรณ์ ลูกชายนายกำพล เข้ามาร่วมสนับสนุนทีมสโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด ตั้งแต่เมื่อไหร่ นายยงยุทธ กล่าวว่า ทีมสโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด มีสปอนเซอร์หลัก คือ บริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น อยู่แล้ว แต่เนื่องจากการทำทีมไทยลีก ต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก ในปี 2559 โจอี้ ธนพล วิระเทพสุภรณ์ ลูกชายนายกำพล จึงเข้ามาในฐานะผู้บริหารของสโมสร พร้อมเป็นสปอร์นเซอร์ให้กับทีมด้วย
ส่วนกรณีของ บริษัท Aqua ทราบว่าเข้ามาทำโฆษณาให้กับทางทีมสโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องการฟอกเงิน ทุกอย่างมีหลักฐาน สามารถตรวจสอบได้
“นายชูวิทย์ เป็นคนดราม่าเก่ง ก็เลยโยงโน่นนี่นั่น จนทำให้คนทั้งประเทศเชื่อ ฉะนั้นถ้าผมไม่รีบออกมาให้ข้อเท็จจริง ก็จะยิ่งได้รับความเสียหาย ผมอยากให้ลองย้อนดูประวัติของนายชูวิทย์ เดิมเคยกล่าวพาดพิงเจ้าสัวแลนด์แอนด์เฮาส์ที่ไม่ยอมบริจาคที่ดินให้เป็นที่สาธารณะเหมือนตัวเอง แต่ต่อมานายชูวิทย์กลับนำที่ดินดังกล่าวที่เคยบริจาคเป็นที่สวนสาธารณะ มาปล่อยเช่าให้กับบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งบริษัทนี้ก็ยังมีปัญหาเรื่องที่ดินคดีวัดพระธรรมกายค้างคาอยู่ แต่เนื่องจากฎีกา 9/2538 ระบุ ผู้ใดประกาศยกที่ดินซึ่งเป็นสมบัติของตัวเองให้เป็นที่สาธารณะ ถือว่ามีผลโดยไม่ต้องจดทะเบียน นอกจากนี้นายชูวิทย์ ยังใช้กรณีดังกล่าวไปขอบรรเทาโทษจากศาลด้วย แล้ววันนี้การเอาที่ไปปล่อยให้เช่าหรือขาย ถามว่าคนดีของสังคม ที่สังคมลืม ต้องเจออะไรบ้าง สัญญาที่ทำไว้ถือว่าโมฆะหรือไม่ การเอาที่สาธารณะไปขายถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่ เรื่องนี้นายชูวิทย์ต้องรับผิดชอบ”
เมื่อถามว่า การที่นายชูวิทย์มีการกล่าวพาดพิงถึงหลายส่วน ต้องการสร้างเรตติ้ง หรือมีนัยซ่อนอยู่ นายยงยุทธ กล่าวว่า น่าจะทั้งสองประเด็น ประเด็นการสร้างเรตติ้ง เนื่องจากต้องการใช้ตนเป็นสายล่อฟ้า เพราะแค่มีชื่อนักการเมือง ก็จะยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นว่า นักการเมืองโกง นักการเมืองฟอกเงิน นักการเมืองค้าผู้หญิง ส่วนประเด็นที่สอง เชื่อว่านายชูวิทย์ต้องไปรับงานมาจากบุคคลใดบุคคลหนึ่งมา แต่จะเป็นใครนั้น ไม่สามารถเปิดเผยได้ สังคมต้องไปคิดต่อเอง
เมื่อถามอีกว่า เป้าหมายหลักของนายชูวิทย์ที่ออกมากล่าวพาดพิงบุคคลต่างๆ ในครั้งนี้ เป้าหมายหลักอยู่ที่ เสี่ยกัมพล หรือบริษัท Aqua หรือสโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด หรือบุคคลใด นายยงยุทธ กล่าวว่า ตนคาดว่ามากกว่าที่กล่าวว่า เนื่องจากนายชูวิทย์เป็นแค่หมากตัวหนึ่งที่ต่อวงจรอุบาทว์ธุรกิจสีเทาเท่านั้น
“ผมเคยได้รับฉายายงยุทธตู้เย็น ซึ่งเป็นตราบาปติดตัวผมมาจนถึงทุกวันนี้ ถ้าครั้งนี้ผมปล่อยให้ตัวเองมีตราบาปเรื่องการถูกกล่าวหาใช้ สโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด ฟอกเงินอีก คงยอมไม่ได้ การระบุว่า นักการเมืองใหญ่ภาคเหนือ ทำให้ผมได้รับความเสียหาย ทั้งๆที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวเลย ดังนั้นผมต้องรักษาสิทธิ์ตัวเอง”
นายยงยุทธ ยืนยันว่า จะฟ้องนายชูวิทย์ และช่อง 3 ขณะนี้อยู่ระหว่างการให้ทนายความดำเนินการ ส่วนช่องไทยรัฐ อาจจะกันไว้เป็นพยาน รวมทั้งจะเดินหน้ายื่นเรื่องให้กรมสรรพากรตรวจสอบกรณีที่นายชูวิทย์ขายธุรกิจอาบอบนวด ว่ามีการเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ด้วย
สุโสมณี พานทอง คือ 34 และเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมครอบครัว เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในปี 2554 เธอเป็นเจ้าของและดำเนินงานด้านการปฏิบัติของเธอเองและช่วยเหลือชาวบ้านในชุมชนบ้านเกิดของเธอ เธอแต่งงานโดยไม่มีลูก แต่สนุกกับการใช้เวลาให้กับเมืองของเธอในฐานะเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ได้รับการเลือกตั้ง