หลวงปู่พุทธอิสระ ลั่น พร้อมถอดผ้าเหลืองสู้คดีกบฏ ย้ำ ไม่ทอดทิ้งเพื่อนร่วมอุดมการณ์ แจง ไม่มาศาล เหตุติดกิจนิมนต์
24 ม.ค.61- หลวงปู่พุทธอิสระ วัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ ทางสถานีโทรทัศน์สปริง นิวส์ ช่อง 19 ถึงกรณี อัยการสูงสุด กำหนดให้ผู้ต้องหาในคดีพิเศษที่ 261/ 2556 คดีร่วมกันเป็นกบฏในการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ที่มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกปปส. กับพวกรวม 53 คน เป็นผู้ต้องหา มาเพื่อทราบคำสั่งและการกำหนดส่งตัวผู้ต้องหาต่อศาลอาญาในวันนี้ (24 ม.ค.61) เวลา 09.30 น. ว่า ตนจะไม่เดินทางไปฟังคำสั่งตามที่อัยการนัดหมายอย่างแน่นอน เนื่องจากติดกิจนิมนต์ในพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวร ที่ค่ายธนารักษ์ โดยในวันนี้ ได้มอบหมายให้ทนายความทำหนังสือถึงอัยการเพื่อขอเลื่อนการเข้าไปรับฟังคำสั่งคดี ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับกระแสข่าวว่าอัยการจะสั่งฟ้องคดีในวันนี้แต่อย่างใด เนื่องจากตนเพิ่งทราบข่าวเช่นกัน โดยหมายกิจนิมนต์นั้น มีการนัดหมายมาล่วงหน้านานแล้ว
“จริงๆ แล้วตนอยากไปฟังคำสั่งคดี เพราะอยากไปเจอเพื่อนๆ ร่วมอุดมการณ์ แต่เนื่องจากติดภารกิจ จึงไม่ได้สามารถเดินทางไปได้ ต้องขออภัยด้วย โดยขอยืนยันว่า ตนไม่ได้ทอดทิ้งเพื่อร่วมอุดมการณ์แต่อย่างใด ทั้งนี้ หากศาลมีคำสั่งจำคุก ก็พร้อมยอมรับชะตากรรม แม้จะต้องถูกถอดผ้าเหลือง ตนสู้มาถึงวันนี้ ได้เห็นบ้านเมืองสงบสุข ก็รู้สึกภูมิใจ ถือว่าได้ทำในสิ่งที่พระสงฆ์ไทยรูปหนึ่งได้ทำให้กับแผ่นดินแล้ว”
เมื่อถามว่าได้มีการหารือเรื่องการตั้งพรรคการเมืองใหม่กับนายสุเทพ บ้างหรือไม่ หลวงปู่พุทธอิสระ กล่าวว่า ไม่ได้มีการหารือเรื่องนี้แต่อย่างใด เนื่องจากตนไม่ได้ฝักไขว่เรื่องการเมือง
“บอกเลยว่าตนเกลียดการเมือง และเกลียดหน้านักการเมืองมาก แต่ที่ต้องร่วมชุมนุมนั้น ไม่ทราบว่าเป็นการเมืองหรือไม่ แต่มองว่าเป็นภารกิจจำเป็นที่ต้องทำ”
ทั้งนี้ หลวงปู่พุทธอิสระ ยังกล่าวถึงกรณีสังคมวิพากษ์วิจารณ์ปมนาฬิกาหรูและแหวนเพชรของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า ถ้าเทียบกับกรณีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีคดีเรื่องซุกหุ้น ทำไมสังคมจึงมองว่าเป็นการซุกโดยสุจริตใจ ทั้งๆ ที่เป็นคดีใหญ่โต แต่ในกรณีนาฬิกาหรู ของพล.อ.ประวิตร เป็นเรื่องความชอบส่วนบุคคล สังคมกลับขุดคุ้ยโจมตีเหมือนเป็นอาชญากร จึงอยากเตือนสติให้สังคมมองเรื่องดังกล่าวให้รอบด้าน
“ขอยืนยันว่าที่ออกมาพูดเรื่องนี้ ไม่ได้ต้องการปกป้องพล.อ.ประวิตร เพราะตนไม่เคยติดต่อกับพล.อ.ประวิตรมานานแล้ว ซึ่งถ้าพล.อ.ประวิตรไม่มั่นใจในคุณธรรมความดีของตัวเอง ก็ต้องยอมถอย แต่หากบริสุทธ์ใจ ไม่ได้คดโกงทุจริตใครมา ให้ออกมารับสารภาพกับสังคมว่าบกพร่องโดยสุจริต เรื่องก็จบ เพราะเรื่องนี้เป็นความชอบโดยส่วนตัว ไม่ได้กระทบต่อบ้านเมือง หรือคนรอบข้าง”
เมื่อถามว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขาดพล.อ.ประวิตร ได้หรือไม่ หลวงปู่พุทธอิสระ กล่าวว่า แม้พล.อ.ประยุทธ์ จะมีจุดยืนของตัวเอง แต่ก็มีหลายเรื่องที่ต้องสอบถามจากพล.อ.ประวิตร ในฐานะเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ และมีคอนเน็คชั่นกับผู้คนรอบด้านมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงวันที่ต้องเอาประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง เชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์ ต้องตัดสินใจอะไรบ้างอย่างอย่างแน่นอน
สุโสมณี พานทอง คือ 34 และเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมครอบครัว เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในปี 2554 เธอเป็นเจ้าของและดำเนินงานด้านการปฏิบัติของเธอเองและช่วยเหลือชาวบ้านในชุมชนบ้านเกิดของเธอ เธอแต่งงานโดยไม่มีลูก แต่สนุกกับการใช้เวลาให้กับเมืองของเธอในฐานะเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ได้รับการเลือกตั้ง