“วิทยา” ลั่น พร้อมสู้คดีกบฏ ย้ำ ไม่หนักใจ หากอัยการสั่งฟ้องคดีพรุ่งนี้

วันนี้ (23 ม.ค.61) นายวิทยา แก้วภารดัย อดีตแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ กปปส. ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ ทางสถานีโทรทัศน์สปริง นิวส์ ช่อง 19 ถึงกรณี อัยการสูงสุด กำหนดให้ผู้ต้องหาในคดีพิเศษที่ 261/ 2556 คดีร่วมกันเป็นกบฏในการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ที่มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกปปส. กับพวกรวม 53 คน เป็นผู้ต้องหา มาเพื่อทราบคำสั่งและการกำหนดส่งตัวผู้ต้องหาต่อศาลอาญาในวันที่ 24 มกราคม เวลา 08.00 น. ว่า มีการตั้งข้อหาดังกล่าวกับตนและแกนนำกปปส.คนอื่นๆ รวม 53 คน ตั้งแต่ในยุคนายธาริต เพ็งดิษฐ์ เป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ และมีการสั่งฟ้องไปคดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ต่อมาตนกับพวก ได้ยื่นหนังสือถึงพนักงานอัยการ เพื่อขอให้ทบทวนคำวินิจฉัยของอัยการในยุคนั้น พร้อมขอดำเนินคดีกับตนและพวกในฐานะเป็นแกนนำ 9 คนเท่านั้น

“การตั้งข้อหากบฏ มีความกำกึ่งทางด้านกฎหมาย เนื่องจากระหว่างการชุมนุมของกลุ่มกปปส. มีการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า เป็นการชุมนุมที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ดังนั้นความเห็นของนายธาริต กับอัยการในสมัยนั้น อาจแย้งกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จึงขอให้มีการทบทวนว่าการชุมนุมดังกล่าวอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งจะมีคำวินิจฉัยในวันพรุ่งนี้”

เมื่อถามอีกว่า หากย้อนกลับไปยังจะออกมาชุมนุมขับไล่ระบอบทักษิณหรือไม่ นายวิทยา ยืนยันว่า ยังจะทำเช่นเดิม จนกว่าจะสามารถโค่นล้มระบอบทักษิณได้ เพราะไม่ต้องการให้ตกทอดระบบเผด็จการทุนนิยมสามานย์ไปถึงลูกหลานของตน

“ต้องยอมรับว่าภายใต้การบริหารของรัฐบาลคสช. ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา มีหลายอย่างไม่ได้ดั่งใจ แต่ผมคิดว่ามันดีกว่าการอยู่ภายใต้ระบอบทักษิณ และมีโอกาสที่จะหลุดพ้นได้ แต่หากยังอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยทุนนิยมสามานย์ ผมไม่เห็นโอกาสที่จะหลุดพ้นได้เมื่อไหร่ ยังไง”

สุโสมณี พานทอง คือ 34 และเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมครอบครัว เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในปี 2554 เธอเป็นเจ้าของและดำเนินงานด้านการปฏิบัติของเธอเองและช่วยเหลือชาวบ้านในชุมชนบ้านเกิดของเธอ เธอแต่งงานโดยไม่มีลูก แต่สนุกกับการใช้เวลาให้กับเมืองของเธอในฐานะเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ได้รับการเลือกตั้ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *