เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2561 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “K Chompoonutt Supakittipong ” โพสต์วีดีโอของเหตุการณ์ที่แฟนชายหนุ่มกำลังแย้งกับตำรวจนายหนึ่ง โดยระบุว่า…
“เหตุเกิดแยกพระราม3 เลี้ยวซ้ายเข้านางลิ้นจี่ เวลาสี่ทุ่มกว่า!!!!!!!!
แฟนเราขับเลนซ้ายสุดเพื่อเลี้ยวซ้ายเข้านางลิ้นจี่เห็นมอไซจอดอยู่เปิดไฟสีแดง/น้ำเงินกระพริบอยู่คิดว่ามีอุบัติเหตุที่ทางโค้งเลนนั้น ใกล้ทางโค้งมีตำรวจคนนึงวิ่งมาขวางทางโดยใช้ไฟฉายส่องมาแล้วยื่นมือขวามาขวางไว้แล้วเอาไฟฉายที่ถืออยู่กระแทกกระจกหน้ารถแฟนเรา แฟนเราเปิดกระจกแล้วถามว่า พี่เอาไฟฉายกระแทกกระจกหน้ารถผมทำไม ตำรวจบอกว่าคุณไม่หยุดรถทั้งๆที่เห็นว่ามีมอไซตำรวจเปิดไฟฉุกเฉินไว้ (ซึ่งมอไซตำรวจจอดอยุ่ตรงกลางถนนเยื้องไปทางเลนขวาหน่อย ถนนมี 3 เลนค่ะ) แฟนเราก็ตอบไปว่านึกว่ามีอุบัติเหตุเลยชิดซ้ายซึ่งเป็นทางที่กลับบ้านพอดี ตำรวจบอกว่าไม่ใช่อุบัติเหตุมีขบวนเสด็จ ทันใดนั้น มีรถคันนึงขับมาเลนกลางข้างรถแฟนเรา ตำรวจรีบวิ่งไปโบกให้หยุดรถ แล้วให้รถคันนั้นไปจอดหลบเลนขวาสุด (รถคันนั้นหยุดรถเลยรถแฟนเราเกือบหนึ่งคันรถ) เสร็จตำรวจวิ่งกลับมาที่รถแฟนเราแล้วบอกว่าขอดูใบขับขี่หน่อย แฟนเราก็หยิบให้ดู ตำรวจก็หยิบใบขับขี่ไปเลยยังไม่ทันได้ดู แล้วก็เดินกลับไปหารถคันที่จอดรออยู่เลนขวา สักพักตำรวจก็ปล่อยรถคันนั้นไป แฟนเราก็รีบวิ่งไปหาตำรวจคนนั้น แล้วขอใบขับขี่คืน ตำรวจบอกไม่คืน จะออกใบสั่งข้อหา กล่าวหาเจ้าที่ว่าลายทรัพย์สินรถ (เอาไฟฉายมากระแทกกระจกหน้ารถ) ทันใดนั้นมีมอไซขับผ่านซ้ายมือเราก็ไม่โดนจับ ( มัวเขียนใบสั่งเราปล่อยรถจักรยนต์หลุดไปขวางขบวนก็ได้หรอคะ) ณ ตอนนั้นมีตำรวจ 1 คน สรุปประเด็นคือบอกเราว่าโดนข้อหา กล่าวหาเจ้าหน้าที่ทำลายทรัพยสินรถ แต่เขียนใบสั่งให้แฟนเราข้อหา ฝ่าฝืนสัญญาณมือ ( ถ้าเราฝ่าฝืน คุณก็ต้องขับตามไปจับเราแล้วสิคะ ) จากนั้นไปคุยกันที่ป้อมตำรวจเยื้องเซนทรัลพระรามสามเรากับแฟนไม่ยอมเถียงกันอย่างในคลิปบอกว่าตำรวจคนนึงบอกพวกเราไม่กลัวตำรวจ(ไม่กลัวค่ะ เราไม่ได้ทำอะไรผิด) ตำรวจท่านนั้นจึงบอกเราว่า หรือจะเอาข้อหา ” ไม่จงรักภักดีต่อเจ้าหน้าที่อีกข้อหานึง ” งงค่ะ พอขอดูกล้องวงจรปิด ก็เงียบไม่ให้ดู สรุปเราต้องจ่ายค่าปรับ ตำรวจอีกคนในป้อมบอกว่าให้ปรับเบาสุด โดนปรับ 200 บาทเราให้แบงค์พัน ตำรวจคนที่รับเงินเขียนใบเสร็จหยิบกระเป๋าเงินตัวเองออกมาทอนให้เรา 800 ทำใมไม่ไปหยิบเงินกองกลางมาทอน ? ควักเงินตัวเองทอน แบบนี้ก็ได้หรอ หรือออกตังตัวเองทอนไปก่อน ? #แค่เงิน200 ต้องทำขนาดนี้เลยหรอหรือจริงๆคิดว่าจะได้มากกว่านี้คะ #สงสัย #ด้วยความเคารพ #ครั้งหน้าเห็นไฟกระพริบจะจอดตั้งแต่500เมตรเลยค่ะ”
ขณะที่คลิปต่อมาก็ยังคงเข้ามาพูดคุยโต้เถียงกันต่อ โดยชายคนขับรถพยายามอธิบายพร้อมบอกว่าขอโทษตำรวจคนที่เป็นคู่กรณีแล้วก็ไม่จบ พร้อมยืนยันว่าคิดว่าเป็นเหตุรถชนไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
สุโสมณี พานทอง คือ 34 และเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมครอบครัว เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในปี 2554 เธอเป็นเจ้าของและดำเนินงานด้านการปฏิบัติของเธอเองและช่วยเหลือชาวบ้านในชุมชนบ้านเกิดของเธอ เธอแต่งงานโดยไม่มีลูก แต่สนุกกับการใช้เวลาให้กับเมืองของเธอในฐานะเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ได้รับการเลือกตั้ง