“ชาญชัย” แฉ ทอท.เปิดช่องเอกชนปล่อยรายย่อยเช่าพื้นที่ ทำอาหารราคาแพง

นายชาญชัย อิสรเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ แถลงกรณีปัญหา อาหารและน้ำดื่มในสนามบินมีราคาแพง ว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดจากเจ้าหน้าที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ปล่อยให้เกิดการเรียกเก็บค่า “แป๊ะเจี๊ยะ” หรือเงินให้เปล่า ที่คาดว่ามูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท จากการที่บริษัทรายใหญ่ ที่ทำสัญญากับ ทอท.นำพื้นที่ปล่อยให้บริษัท และ ผู้ประกอบการรายย่อยเช่าต่อ และมีการเก็บ “ค่าสิทธิ์” เพิ่มเติม ทั้งที่สัญญาดังกล่าวกำหนดให้บริษัท สามารถเรียกเก็บ ค่าเช่า และ ค่าแบ่งปันผลประโยชน์ 20 % เท่านั้น/

โดย นายชาญชัย ได้ยกตัวอย่าง สัญญาเมื่อปี 2549 ที่ธนาคารไทยแห่งหรนึ่ง ทำกับบริษัทรายใหญ่ โดยต้องเสีย “ค่าสิทธิ์” เป็นเงินทั้งสิ้น 100 ล้านบาท ในสัญญา 5 ปี และเมื่อพิจารณาบัญชีรายละเอียดค่าตอบแทนการเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ กลับพบว่า มีค่าเช่าที่ไม่แพง เช่น ร้านสินค้าสุขภาพและความงาม ขนาด 60 ตารางเมตร ค่าเช่า 500 บาทต่อตารางเมตร ธนาคาร ขนาด 6 ตารางเมตร อัตราค่าเช่า 1,200 บาทต่อตารางเมตร เป็นต้น

นายชาญชัย ระบุว่า แม้ภายหลัง บริษัทรายใหญ่ดังกล่าวจะออกมายอมรับว่า มีการเรียกเก็บค่าสิทธิ์จริง โดยอ้างว่านำไปก่อสร้างร้านค้าให้บริษัท และ ผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นการการทำผิดสัญญากับ ทอท. แต่กลับพบว่า ทอท.ไม่ได้ดำเนินการตามกฎหมายแต่อย่างใด ดังนั้นตนจึงจะให้เวลาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แก้ไขเรื่องนี้ใน 60 วัน หากไม่มีความคืบหน้า ตนจะฟ้องต่อศาลในคดีนี้ด้วยตนเอง

นายชาญชัย ยังกล่าวถึงกรณีการสร้างรถไฟรางคู่ ว่า ขณะนี้ตนมีข้อมูลว่า จะมีคนได้เงิน สองถึงสามหมื่นล้านบาท เพราะมีลักษณะของการฮั้วกันของบริษัทเอกชน 13 บริษัท ที่เคยร้องเรียนเรื่องนี้จนนำไปสู่การปลดผู้ว่าการรถไฟ และออกคำสั่งตามมาตรา 44 มาแก้ปัญหา แต่ราคากลางที่มีการทำใหม่ลดลงไปแค่ 2 % และมีข้อน่าสังเกตว่า มีลักษณะเหมือนฮั้วให้ได้กันคนละช่วง ทำให้เห็นว่าน่าจะมีเงินแป๊ะเจี๊ยะ จึงอยากถามไปยัง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และ พลเอกประยุทธ์ ว่า การสร้างรถไฟรางคู่ 1.7 แสนล้านนั้น มีส่วนต่างไปเข้ากระเป๋าใครหรือไม่ โดยตนจะนำรายละเอียดมาเปิดเผยอีกครั้ง

Cr : Springnews