วันนี้ (20 เมษายน 2561) ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเสียงข้างมาก 118 คะแนน ต่อ 25 ไม่เลือกรายชื่อผู้สมควรได้รับเลือกเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตามที่คณะกรรมการสรรหาเสนอมาให้ สนช. โดยมีสมาชิก สนช. งดออกเสียงจำนวน 20 คน เมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา
โดยผู้ผ่านการสรรหาที่จะเป็นว่าที่ กสทช. รอบสุดท้ายแต่ละด้านผ่านเข้ามา 2 คนจะคัดเหลือเพียง 1 คน ได้แก่
- ด้านกิจการกระจายเสียง ได้แก่ พ.อ.กฤษฎา เทอดพงษ์ และนายธนกร ศรีสุขใส
- ด้านกิจการโทรทัศน์ ได้แก่ นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ และ พล.อ.มังกร โกสินทรเสนีย์
- ด้านกิจการโทรคมนาคม ได้แก่ นายอธิคม ฤกษบุตร และนายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ
- ด้านวิศวกรรม ได้แก่ พล.อ.ต.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ และ พ.อ.อนุรัตน์ อินกัน
- ด้านกฎหมาย ได้แก่ นายมนูภาน ยศธแสนย์ และ นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร
- ด้านเศรษฐศาสตร์ ได้แก่ ผศ.ภักดี มะนะเวศ และ นายณรงค์ เขียดเดช
- ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค (ส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพของประชาชน) ได้แก่ นพ.สุริยเดว ทรีปาตี และนายวรรณชัย สุวรรณกาญจน์
ในการลงมติใช้วิธีประชุมลับกว่า 3 ชั่วโมง จากนั้น นายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช. และเลขานุการวิปสนช. กล่าวภายหลังลงมติว่า คณะกรรมาธิการสามัญซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่จะได้รับเลือกเป็นกรรมการกสทช. พบว่ามีปัญหาด้านคุณสมบัติและความประพฤติ 8 คน อาจขัดกับมาตรา 7 ของ พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ลักษณะต้องห้ามว่ากสทช.ต้องไม่เป็นหรือเคยเป็นกรรมการ ผู้จัดการ ผู้บริหาร ที่ปรึกษา พนักงาน ผู้ถือหุ้นหรือหุ้นส่วนในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนหรือนิติบุคคลอื่นใดบรรดาที่ประกอบธุรกิจ ด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์หรือกิจการโทรคมนาคม ในระยะเวลา 1 ปีก่อนได้รับการคัดเลือก เมื่อพบว่ามีบุคคลที่คุณสมบัติไม่ครบและมีลักษณะต้องห้าม จึงมีประเด็นว่าบัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการสรรหาเสนอมานั้นมีจำนวน 2 เท่าตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ซึ่งถ้า สนช. ลงมติเลือกไปอาจมีปัญหาในทางกฎหมายได้ จึงขอให้ สนช. ลงมติเพื่อไม่เลือกบุคคลตามบัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการสรรหาเสนอ เพื่อให้คณะกรรมการสรรหากลับไปแก้ไขข้อบกพร่อง ซึงเป็นไปตามมาตรา 17 วรรคสองของกฎหมายที่กำหนดไว้ว่าถ้า สนช. ไม่สามารถเลือก กสทช. ได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับบัญชีรายชื่อให้คณะกรรมการดำเนินการสรรหาเพิ่มเติมต่อไป
ทั้งนี้ หลังจากมีมติคว่ำกระดานการเลือก กสทช.แล้ว มีการปล่อยคลิปผ่านสื่อ ในคำสนทนาอ้างถึงสาเหตุ ทำไมถึงลงมติรายชื่อไม่ผ่านการคัดเลือกผู้ผ่านการสรรหารอบสุดท้ายทั้งหมด
คลิปเสียงดังกล่าว เชื่อว่าหลุดมาจากการประชุมลับของสนช. โดยมีวาระสำคัญคือ การพิจารณารายชื่อบุคคลที่ได้รับการสรรหาเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตามที่คณะกรรมการสรรหา กสทช. ได้คัดเลือกเหลือ 14 คน ใน 7 ด้าน และส่งให้ สนช.พิจารณาคัดเลือกให้เหลือ 7 คนสุดท้าย
โดยมีสมาชิกอ้างว่า ได้รับการประสานจากผู้มีอำนาจคนนึ่ง ว่าไม่พอใจผู้ได้รับการเสนอชื่อ กสทช. ทั้ง 14 ราย และต้องการยกเลิกทั้งหมด ก่อนจะมีเสียงบุคคลหนึ่งพูดขึ้นว่าดูจากรายชื่อแล้วเหมือนพวกมาเฟีย และมีผลประโยชน์ทับซ้อน
เครดิต : Springnews
สุโสมณี พานทอง คือ 34 และเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมครอบครัว เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในปี 2554 เธอเป็นเจ้าของและดำเนินงานด้านการปฏิบัติของเธอเองและช่วยเหลือชาวบ้านในชุมชนบ้านเกิดของเธอ เธอแต่งงานโดยไม่มีลูก แต่สนุกกับการใช้เวลาให้กับเมืองของเธอในฐานะเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ได้รับการเลือกตั้ง